[ad_1]
THE HUNGER GAMES เป็นนวนิยายแฟนตาซีของ “ซูซาน คอลลินส์” เธอได้แรงบันดาลใจมาจากการข่าวสงครามในอิรัก ทำให้เนื้อหามีความดุเดือดเกี่ยวกับการเมืองการปกครองในอนาคตของประเทศที่ชื่อ “พาเน็ม” ที่มีเมืองหลวงอย่าง “แคปพิทอล” จัดสรรทรัพยากรต่าง ๆ จาก 12 เขตในสังกัด มีการแบ่งชนชั้นชัดเจน 2 ขั้วระหว่างกลุ่มรัฐบาล(อยู่เมืองหลวง) กับกลุ่มกบถ (อยู่ตามเขตต่างๆ) ซึ่งในทุก ๆ ปี ชาวเมืองหนุ่มสาวแต่ละเขต จะต้องถูกส่งมาเป็นบรรนาการให้เล่นเกมพรากชีวิตที่ชื่อ “THE HUNGER GAMES”
ในปี 2012 THE HUNGER GAMES ก็ถูกดัดแปลงมาทำเป็นภาพยนตร์ถึง 4 ภาคด้วยกัน สามารถทำรายได้รวมไปกว่า 2.97 พันล้านเหรียญจากทั่วโลก จนกระทั่งในปี 2020 “ซูซาน คอลลินส์” ก็ได้เขียนหนังสือนวนิยายเล่มใหม่ออกมานั่้นก็คือ THE BALLAD OF SONGBIRDS AND SNAKE (ลำนำนกร้องเพลงและอสพิษ) เป็นการเผยถึงเรื่องราวในอดีตเมื่อ 64 ปีก่อน เมื่อผู้นำตัวร้ายจาก 4 ภาคแรก “คอริโอลานุส สโนว์” (รับบทโดย ทอม บลายธ์) นักเรียนอัจฉริยะแห่งเมือง “แคปพิทอล”
“สโนว์” ผู้มีอนาคนไกล ได้ตกหลุมรักกับ สาวน้อยบรรณาการจากเขต 12 “ลูซี่ เกรย์ แบร์ด” (รับบทโดย เรเชล เซกเลอร์) ขณะที่ตัวเขาเองก็ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร ทั้งยังต้องหาเงินมารักษาย่าที่กำลังป่วยหนักด้วย แล้วอะไร? คือต้นเหตุของเส้นทางอันบิดเบี้ยว ที่ทำให้หนุ่มน้อย “สโนว์” ต้องพลิกผันชีวิตเข้าสู่ด้านมืด จนกลายมาเป็นประธานาธิบดีสโนว์ ใน “THE HUNGER GAMES” สามารถติดตามกันได้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น
จุดแข็ง The Hunger Games: The Ballad of Songbirds and Snakes หรือ “เดอะ ฮังเกอร์เกมส์ ปฐมบทเกมล่าเกม” ถือเป็นงานหนังที่แตกต่างจาก 4 ภาคก่อนอย่างชัดเจน (ไม่ต้องดู 4 ผ่านก่อนก็ยังดูรู้เรื่อง) เนื้อหาของหนังถูกแบ่งเป็น 3 พาร์ท ได้แก่ The Mentor, The Prize และ The Peacekeeper ใครที่คิดว่าจะได้ดูงานแอ๊คชั่นสู้ดุเดือดเลือดท่วมจอ อันนี้ขอให้ลืมไปได้เลย เพราะหนังโฟกัสไปยังเส้นเรื่องการผญจภัยของ “สโนว์” กับ “ลูซี่ เกรย์” และเพื่อนสนิทอย่าง “ซีเจนัส พลินท์” (รับบทโดย จอช แอนเดรส ริเวรา) ลูกมหาเศรษฐี ซึ่งเส้นเรื่องสามารถทำออกมาได้แยบยลและน่าสนใจ
จุดขายของเรื่องนี้ จึงไปอยู่ที่งานการโชว์ร้องเพลง “ลูซี่ เกรย์” และ อารมณ์ความดาร์กของ “สโนว์” ช่วงแรกที่หนังมีเพลงร้องสด ๆ เหมือนจะไม่เข้ากัน แต่พอฟังไปเรื่อย ๆ กลับรู้สึกว่า เพราะจับใจ เนื้อร้องและทำนองเพลง บางครั้งก็ทำให้รู้สึกสลดหดหู่แบบสุด ๆ “เรเชล เซกเลอร์” ร้องเพลงได้น่าฟังมาก เชื่อว่าผลงานการแสดงของเรื่องนี้ จะเป็นงานโชว์ความสามารถของเธอได้เป็นอย่างดี
จุดอ่อน หนังค่อยข้างดำเนินเรื่องรวดเร็ว การปูพื้นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่าง หนุ่ม-สาวก็ยังไม่ดีพอ ผู้ชมอาจไม่ค่อยอินกับความรักที่จู่ ๆ ก็ตกหลุมรักแบบดื้อ ๆ นอกจากนี้เคมีของ ตัวพระเอกนางเอก ดูยังไงก็ไม่โอเค แม้จะเข้าใจได้ว่า เป็นการแคสนักแสดงจากเนื้อหาของเรื่องนวนิยายจริง ๆ แล้วก็ตาม นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องการดัดแปลงบทของ “สโนว์” และ “ลูซี่ เกรย์” ที่ออกจะซีเรียสไปหน่อย โทนอารมณ์เก็บกด หดหู่ ผสมกับ การห่วงหาอาทร ขาดสีสันของความสนุกไปหลายช่วงตอน
3/5 ถือเป็นหนังฟอร์มยักษ์อีกเรื่องที่มีความสนุกเพลิดเพลินไปกับเสียงร้องของนักแสดง ที่แน่ ๆ แฟน THE HUNGER GAMES คงไม่พลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะมีอิสเตอร์เอกเชื่อมโยงไปยัง 4 ภาค สำหรับคนที่คิดว่าจะดูไม่รู้เรื่องถ้าไม่ได้ไปดู 4 ภาคก่อน ขอบอกตรงนี้เลยว่าไม่จำเป็นแต่อย่างใด หนังยาว 2 ชั่วโมง 37 นาที แต่ก็จบในตัว ไม่มี end credit
———————————————–
คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย : แพนด้าอ้วน
ขอบคุณข้อมูล ภาพ จากเว็บไซต์ Youtube และ มงคลเมเจอร์
[ad_2]
Source link